นกนางแอ่นแม่น้ำ
นกนางแอ่นแม่น้ำ | |
---|---|
นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Passeriformes |
วงศ์: | Hirundinidae |
วงศ์ย่อย: | Pseudochelidoninae Shelley, 1896 |
สกุล: | Pseudochelidon Hartlaub, 1861 |
สปีชีส์ | |
นกนางแอ่นแม่น้ำ หรือ นกนางแอ่นเทียม (อังกฤษ: river martins) เป็นสกุลนกนางแอ่นในวงศ์ย่อย Pseudochelidoninae ที่อยู่ในวงศ์นกนางแอ่น (Hirundinidae) ประกอบไปด้วย 2 สปีชีส์คือ นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา (Pseudochelidon eurystomina) ที่พบในสาธารณรัฐคองโกและประเทศกาบอง และนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (Pseudochelidon sirintarae) ที่พบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก เป็นนกนางแอ่นขนาดกลาง มีขนส่วนใหญ่เป็นสีดำ บินจับแมลงกินเป็นอาหาร พวกมันดูเหมือนจะใช้ชีวิตอยู่บนพื้นมากกว่านกนางแอ่นชนิดอื่น อาจเดินมากกว่าเกาะคอน และนกนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรอาจหากินในเวลากลางคืน นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาทำรังบนตลิ่งทรายริมแม่น้ำโดยการขุดโพรงลงไป ส่วนแหล่งผสมพันธุ์วางไข่ของนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรยังไม่ทราบ
เมื่อมีการค้นพบนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19 กุสทัฟ ฮาร์ทเลาบ์ (Gustav Hartlaub) คิดว่ามันเป็นนกตะขาบและผู้แต่งหลังจากนั้นก็จัดวางมันอยู่ในวงศ์ของตนเองหรืออยู่ในวงศ์นกแอ่นพง จากการศึกษาทางกายวิภาคพบว่ามันเป็นญาติใกล้ชิดกับนกในวงศ์นกนางแอ่น แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างคือมีขาและเท้าแข็งแรงและมีปากอวบ สิ่งเหล่านี้แสดงว่าควรแยกมันออกเป็นวงศ์ย่อยต่างหาก นกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองชนิดจัดอยู่ในสกุลเดียวกันคือสกุล Pseudochelidon เพราะทั้งสองมีโครงสร้างที่คล้ายกัน แต่ บรูก เสนอว่านกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรควรแยกออกเป็นสกุล Eurochelidon
นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกามีการกระจายพันธุ์ในวงแคบในหลายพื้นที่แต่สถานะภาพที่แท้จริงยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรค้นพบในปี พ.ศ. 2512 และทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวมันน้อยมากจากตัวอย่างและหลักฐานเพียงเล็กน้อย ปัจจุบันไม่มีรายงานการพบในธรรมชาติแล้ว และแหล่งผสมพันธุ์วางไข่ก็ไม่เป็นที่ทราบ มันอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว แม้ว่าจะมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันในปี พ.ศ. 2547
อนุกรมวิธาน
[แก้]เมื่อตัวอย่างของนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาจากประเทศกาบองได้รับการจัดจำแนกครั้งแรกโดยนักสัตววิทยาชาวเยอรมัน กุสทัฟ ฮาร์ทเลาบ์ (Gustav Hartlaub) ในปี ค.ศ. 1861[1] มันไม่ได้ถูกระบุบเป็นนกนางแอ่น ฮาร์ทเลาบ์กลับจัดวางมันในวงศ์นกตะขาบ และผู้แต่งคนอื่นๆหลังจากนั้นก็จัดวางมันอยู่ในวงศ์ของมันเองหรือไม่ก็ในวงศ์นกแอ่นพง จากการศึกษากายวิภาคของนกชนิดนี้โดย เพอร์ซี โลว์ในปี ค.ศ. 1938 แสดงให้เห็นว่ามันเป็นญาติใกล้ชิดกับนกนางแอ่นแต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างเพียง พอที่จะแยกออกมาเป็นวงศ์ย่อย Pseudochelidoninae[2] ชื่อสกุล Pseudochelidon มาจากภาษากรีกโบราณ คำหน้า ψευδο/pseudo แปลว่า "ปลอม" และคำหลัง χελιδον/chelidôn แปลว่า "นกนางแอ่น" เพื่อสะท้อนถึงความแตกต่างของมันจากนกนางแอ่นที่ "แท้จริง"[3][4]
เป็นเวลาหลายปีที่นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาเป็นเพียงชนิดเดียวในสกุลและวงศ์ย่อยจนกระทั่งมีการค้นพบนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (Pseudochelidon eurystomina) โดยนักปักษีวิทยาชาวไทย กิตติ ทองลงยา ในปี ค.ศ. 1968[5] แม้ว่าผู้แต่งบางคนอย่างเช่น บรูค จะจัดวางนกชนิดนี้ไว้ในสกุล Eurochelidon ที่แยกออกมาต่างหากเพราะลักษณะที่เป็นมีนัยยะสำคัญแต่งจากชนิดแอฟริกา แต่ก็ยังอยู่ในวงศ์ย่อยเดียวกัน[6][7] จากการศึกษาทางพันธุศาสตร์ยืนยันว่านกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองชนิดมากจากเครือบรรพบุรุษที่ต่างกันกับนกนางแอ่นในวงศ์ย่อย Hirundininae[8]
นกนางแอ่นแม่น้ำอยู่ตรงกลางระหว่างนกนางแอ่นทั่วไปและนกจับคอนชนิดอื่น พวกมันมีปากอวบ เท้าใหญ่และขาแข็งแรงซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากนกหากินกลางอากาศชนิดอื่น มันมีอวัยวะส่วนที่ส่งเสียงมีขนาดใหญ่ และโครงสร้างที่แตกต่างกันของหลอดลม จากลักษณะของมันที่แตกต่างจากนกนางแอ่นชนิดอื่นและการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ที่กว้างมากของนกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองแสดงว่าประชากรของกลุ่มสปีชีส์ได้แยกตัวออกจากเชื้อสายหลักของนกนางแอ่นตอนต้นของการวิวัฒนาการ[2] และพวกมันอาจเป็นนกนางแอ่นชนิดที่โบราณที่สุด[9] มันก็เหมือนนกนางแอ่นโบราณต้นเชื้อสายชนิดอื่นๆที่ทำรังในโพรงแทนที่จะทำหลุมรังหรือรังโคลน[10]
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
[แก้]นกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองชนิดมีพิสัยทางภูมิศาสตร์ของถิ่นอาศัยที่แยกออกจากกัน นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาผสมพันธุ์วางไข่ตลอดแม่น้ำคองโกและแม่น้ำอูบองชีในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก[11] มันเป็นนกอพยพฤดูหนาวในที่ราบชายฝั่งในทางตอนใต้ของประเทศกาบองและสาธารณรัฐคองโก เมื่อเร็วๆนี้มีการค้นพบรักของนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาบริเวณสันชายหาดและทุ่งหญ้าในพื้นที่ชายฝั่งที่อาศัยในฤดูหนาว[2][11] นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรพบเพียงแหน่งเดียวจากพื้นที่อาศัยในฤดูหนาวที่บึงบอระเพ็ดในประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์[12] มันอาจเป็นนกอพยพ แหล่งผสมพันธุ์วางไข่ยังไม่เป็นที่ทราบ แม้ว่าหุบเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่านในภาคเหนือของประเทศไทยหรือทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนนั้นอาจจะเป็นแหล่งผสมพันธุ์วางไข่[2] หรืออาจเป็นประเทศกัมพูชาหรือพม่า[12] แต่ยังมีข้อสงสัยว่ามันจะเป็นนกอพยพทั้งหมดหรือไม่[13]
แหล่งผสมพันธุ์วางไข่ของชนิดแอฟริกาประกอบไปด้วย ป่าริมแม่น้ำ หรือเกาะที่มีตลิ่งทรายสำหรับทำรัง พื้นที่ทำรังของนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรยังไม่ทราบแต่ถ้าแหล่งผสมพันธุ์วางไข่คล้ายคลึงกันจากความสัมพันธ์กับชนิดแอฟริกาก็จะเป็นหุบเขาที่มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านซึ่งมีตลิ่งทรายและเกาะสำหรับทำรัง และมีป่าให้นกบินจับแมลงกิน[2] นางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาใช้ที่ราบชายฝั่งเป็นถิ่นอาศัยในฟดูหนาว บนพื้นฐานถิ่นอาศัยในฟดูหนาวเท่าที่ทราบซึ่งไม่ใช่แหล่งผสมพันธุ์วางไข่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรหากินในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งใกล้แหล่งน้ำและเกาะคอนนอนตามพงอ้อหรือพืชน้ำในเวลากลางคืน[12]
ลักษณะ
[แก้]นกนางแอ่นทั้งสองชนิดเป็นนกขนาดกลาง ยาว 14-18 ซม. ขนสีดำคล้ายนกนางแอ่นส่วนใหญ่ มีหัวขนาดใหญ่ สีเหลือบฟ้า ลำตัวเจือสีเขียว ปีกสีน้ำตาล ทั้งสองเพศมีลักษณะคล้ายกัน นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรมีขนหางคู่กลางมีแกนยื่นออกมาเป็นเส้นเรียวแผ่ตรงปลาย ตะโพกขาว ตาและวงขอบตาขาว และปากสีเหลือง นกนางแอ่นแอฟริกามีวงตาและปากสีแดง ไม่มีแต้มตรงตะโพก นกวัยอ่อนของทั้งสองชนิดคล้ายนกโตเต็มวัย แต่มีหัวสีน้ำตาล นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรไม่มีขนหางคู่กลางมีแกนยื่นออกมา[2]
นกนางแอ่นแอฟริการ้อง ชี ชี หรือ เชียร์-เชียร์-เชียร์ เมื่อบินกันเป็นฝูง ระหว่างการอพยพจะส่งเสียงร้องห้าวคล้ายนกนางนวลและเสียงกรุ๋งกริ๋งคล้ายกระพรวน ไม่มีการบรรยายถึงเสียงร้องของนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร[2]
พฤติกรรม
[แก้]พฤติกรรมการผสมพันธุ์วางไข่เรารู้แค่เพียงพฤติกรรมของนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา มันทำรังเป็นอาณานิคมขนาดใหญ่ อาจมีมากถึง 800 ตัวในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนเมื่อระดับน้ำในแม่น้ำลดลง คู่นกจะขุดโพรงลึก 1-2 เมตรบนตลิ่งทรายที่เปิดโล่ง ปลายสุดของโพรงจะมีรังทำด้วยกิ่งไม้และใบไม้ มันวางไข่ 2-4 ฟอง สีขาวไม่มีจุด มีพฤติกรรมการบินไล่กวดกันนอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมนี้บนพื้นดินด้วยแต่ยังไม่เป็นที่ทราบว่าทำเพื่ออะไร มันจะไม่ค่อยจับคอนในฤดูผสมพันธุ์แต่จะเดินบนพื้นดินแทน[2] แม้ว่าจะมีการสมมุติว่านกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรจะมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์วางไข่คล้ายนกชนิดแอฟริกาแต่ลักษณะของเท้าที่ต่างกันแสดงว่ามันอาจไม่ได้ใช้เท้าขุดโพรงเพื่อทำรัง[14]
นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาออกหากินเป็นฝูงเหนือแม่น้ำและป่า บ่อยครั้งที่หากินไกลจากแหล่งน้ำ มันกินแมลงส่วนมากจะเป็นมดมีปีก บินได้แข็งแรงและเร็ว ร่อนบ้างบางครั้ง ในฤดูหนาวนกจะเกาะบนยอดไม้ สายไฟ และหลังคาบ้านเสมอๆ[2] นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรกินแมลงอาจรวมถึงพวกด้วงด้วยซึ่งเป็นอาหารที่จับได้ระหว่างการบิน[2] ด้วยปากที่กว้างมันอาจกินแมลงตัวใหญ่กว่านกนางแอ่นชนิดอื่น[13] นกชนิดนี้บินนุ่มนวล ลอยเรื่อย และไม่ค่อยเกาะคอนเหมือนนกชนิดแอฟริกา[2] พฤติกรรมนี้สันนิษฐานจากรูปทรงเท้าที่ผิดไปจากนกนางแอ่นชนิดอื่นและการที่พบโคลนที่เท้าใน ตัวอย่างหนึ่งของนกชนิดนี้แสดงว่านกชนิดนี้อาจจะอยู่บนพื้นมากกว่าเกาะคอน[15] ในฤดูหนาว พบมันเกาะคอนรวมกับนกนางแอ่นบ้านตามพืชจำพวกอ้อ[16] พาเมลา ซี. รัสมูสเซน (Pamela C. Rasmussen) เสนอว่าด้วยดวงตาที่ใหญ่ผิดปกติ นกชนิดนี้อาจหากินเวลากลางคืนหรืออย่างน้อยก็ช่วงพลบค่ำหรือรุ่งเช้า ด้วยปัจจัยนี้จึงทำให้มันดูลึกลับและอธิบายได้บางส่วนว่าทำไมนกที่เหลือถึง ไม่พบเห็นมาเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าข้อเท็จจริงที่คาดว่าตัวอย่างแรกจับมาได้ขณะเกาะคอนในเวลากลางคืนในพง อ้ออาจจะขัดแย้ง แต่อาจเป็นไปได้ว่ามันไม่ได้ถูกจับขณะเกาะคอน หรือพฤติกรรมของมันอาจจะสามารถหากินได้ทั้งทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน ขึ้นอยู่กับฤดูกาลหรือสภาวะแวดล้อม[14]
สถานะการอนุรักษ์
[แก้]นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
[แก้]มีรายงานการพบเห็นนกเจ้าฟ้าหญิงสิริธรในปี ค.ศ. 1972, 1977 และ 1980 และก็ไม่มีการพบเห็นอีกเลยจนปัจจุบัน[2] แม้จะมีรายงานว่าพบนกจากประเทศไทยในปี ค.ศ. 1986[12] และจากประเทศกัมพูชาในปี ค.ศ. 2004 แต่ก็ไม่ได้รับการยืนยัน[17] สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) จัดนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์อย่างยิ่ง มีการประมาณจำนวนของนกชนิดนี้ว่าลดลงหรือจะลดลงถึง 80% ภายในสามรุ่น นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ IUCN จะไม่พิจารณาว่านกชนิดสูญพันธุ์จนกว่าได้ดำเนินการสำรวจเป้าหมายครอบคลุม[7] แม้มีการปกป้องด้วยกฎหมายภายใต้บัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES)[18] นกยังคงถูกจับไปพร้อมๆกับนกนางแอ่นชนิดอื่นในฤดูหนาวของแต่ละปีเพื่อขายเป็นอาหารหรือเป็นนกปล่อยทำบุญในพุทธศาสนา และหลังจากการค้นพบ มีการดักจับนกได้ถึงเกือบ 120 ตัวเพื่อขายให้กับผู้อำนวยการสถานีประมงนครสวรรค์ และแน่นอนว่าไม่สามารถรักษาชีวิตของนกเหล่านั้นไว้ได้[14] อาจด้วยเพราะมีจำนวนประชากรเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆทำให้ไม่สามารถพบเห็นได้ง่ายนัก[2]
ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดโอกาสในการค้นพบคือมีการลดจำนวนลงอย่างมากของประชากรนกนางแอ่นในบึงบอระเพ็ดจากหนึ่งแสนตัวใน ราวปี ค.ศ. 1970 เหลือเพียง 8,000 ตัวที่นับได้ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1980–1981 แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจ แต่เหตุการณ์นี้คือการแสดงถึงการลดลงหรือเปลี่ยนถิ่นเนื่องมาจากการถูกรบกวน[13] สาเหตุอื่นที่ทำให้นกชนิดนี้ลดจำนวนลงประกอบด้วย จากการรบกวนบริเวณตลิ่งทรายแม่น้ำ การสร้างเขื่อนในพื้นที่ต้นน้ำ การแก้ไขอุทกภัย การประมง การตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนแปลงถิ่นอาศัยเพื่อการเกษตร[12] อย่างน้อยนกนางแอ่นก็ยังชอบจับคอนตามพืชน้ำในบึงบอระเพ็ดมากกว่าตามไร่อ้อย แต่ก็ไม่ค้นพบนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรในฝูงนกจับคอนเหล่านั้น[13] บึงบอระเพ็ดได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์เพื่อพยายามจะปกป้องนกชนิดนี้[12] แต่จากการสำรวจค้นหานกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรที่เหลือรอดซึ่งประกอบด้วยการสำรวจ ที่บึงบอระเพ็ดหลายครั้ง การสำรวจแม่น้ำยม แม่น้ำน่าน และแม่น้ำวังในภาคเหนือของประเทศไทยปี ค.ศ. 1969 และการสำรวจของแม่น้ำในภาคเหนือของประเทศลาวในปี ค.ศ. 1996 กลับประสบความล้มเหลวในการค้นหานกชนิดนี้[12] มีการพบเห็นที่เป็นไปได้แต่ยังไม่มีการตรวจสอบว่าพบนกชนิดนี้ในปี ค.ศ. 2004[17]
นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา
[แก้]ขนาดประชากรของนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ตอนปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 สามารถพบเห็นได้บ่อยในท้องถิ่นและพบเห็นนกอพยพจำนวนมากในประเทศกาบอง แต่ไม่เป็นที่ทราบมากนักถึงจำนวนประชากรในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และไม่เป็นที่ทราบความถึงสัมพันธ์ของการผสมพันธุ์วางไข่ของนกในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยคองโกกับการผสมพันธุ์วางไข่ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งของประเทศ กาบองและสาธารณรัฐคองโก มีการพบฝูงนกถึง 15,000 ตัวในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งถ้ารวมนกจาบคาสีกุหลาบ (Merops malimbicus) ด้วยแล้วจะมีนกถึง 100,000 ตัว เนื่องจากไม่มีรายละเอียด นกชนิดนี้จึงถูกจัดสถานะการอนุรักษ์เป็นยังไม่มีข้อมูล (DD) โดย IUCN ในคริสต์ทศวรรษ 1950 นกแอ่นแม่น้ำแอฟริกาโดนจับและรับประทานจำนวนมากในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกโดยคนท้องถิ่น และการกระทำเช่นนี้อาจกำลังเพิ่มขึ้น แม้อาณานิคมการผสมพันธุ์วางไข่ของนกบริเวณตลิ่งทรายริมแม่น้ำมีแนวโน้มที่จะถูกน้ำท่วม[11] แต่ก็มีนกจำนวนหลายพันตัวมาผสมพันธุ์วางไข่บริเวณทุ่งหญ้าทางตะวันออกของเมืองแกมบา (Gamba) เมื่อปี ค.ศ. 2005[19]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Hartlaub, Gustav (1861). "Ueber einige neue Vögel Westafrica's". Journal für Ornithologie. 9 (1): 12. doi:10.1007/BF02002444. (เยอรมัน)
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 2.12 Turner, Angela K; Rose, Chris (1989). A handbook to the swallows and martins of the world. Bromley: Christopher Helm. pp. 85–88. ISBN 0-7470-3202-5.
- ↑ "Scientific bird names explained". uk.r.b. สืบค้นเมื่อ 2008-01-03.
- ↑ Lowe, P R (1938). "Some anatomical notes on the genus Pseudochelidon Hartlaub with reference to its taxonomic position". Ibis. 2: 429–437.
- ↑ Kitti, Thonglongya (1968). "A new martin of the genus Pseudochelidon from Thailand". Thai National Scientific Papers, Fauna Series no. 1.
- ↑ Brooke, Richard (1972). "Generic limits in Old World Apodidae and Hirundinidae". Bulletin of the British Ornithologists’ Club. 92: 53–7.
- ↑ 7.0 7.1 "BirdLife International Species factsheet: Eurochelidon sirintarae ". BirdLife International. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-03. สืบค้นเมื่อ 2009-11-15.
- ↑ Sheldon, Frederick H; Whittingham, Linda A; Moyle, Robert G; Slikas, Beth; Winkler, David W (April 2005). "Phylogeny of swallows (Aves: Hirundinidae) estimated from nuclear and mitochondrial DNA". Molecular Phylogenetics and Evolution. 35 (1): 254–270. doi:10.1016/j.ympev.2004.11.008. PMID 15737595.
- ↑ Olson, S L (1973). "A classification of the Rallidae". Wilson Bulletin. 65: 381–416.
- ↑ Winkler, David W; Sheldon, Frederick H (June 1993). "Evolution of nest construction in swallows (Hirundinidae): A molecular phylogenetic perspective". Proceedings of the National Academy of Sciences USA. 90 (12): 5705–5707. Bibcode:1993PNAS...90.5705W. doi:10.1073/pnas.90.12.5705. PMC 46790. PMID 8516319.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 "BirdLife International Species factsheet: Pseudochelidon eurystomina ". BirdLife International. สืบค้นเมื่อ 2009-11-15.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 12.5 12.6 Hirschfeld, Erik (editor) (2007). Rare Birds Yearbook 2008. England: MagDig Media Lmtd. p. 208. ISBN 978-0-9552607-3-5.
{{cite book}}
:|author=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 Tobias, Joe (June 2000). "Little known oriental bird: White-eyed River-Martin: 1". Oriental Bird Club Bulletin. 31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-04. สืบค้นเมื่อ 2010-07-04.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 Collar, N J; Andreev, A V; Chan, S; Crosby M J; Subramanya, S; Tobias, J A, บ.ก. (2001). Threatened birds of Asia; the BirdLife International Red Data Book (PDF). BirdLife International. pp. 1942–1947. ISBN 0-946888-44-2. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-17.
- ↑ Tobias, Joe (June 2000). "Little known oriental bird: White-eyed River-Martin: 2". Oriental Bird Club Bulletin. 31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-10. สืบค้นเมื่อ 2010-07-04.
- ↑ Lekagul, Boonsong; Round, Philip (1991). A guide to the birds of Thailand. Bangkok: Saha Karn Baet. ISBN 974-85673-6-2. p233
- ↑ 17.0 17.1 Judell, Doug (2006). "Investigating a possible sighting of the White-eyed River-Martin". Thaibirding.com. สืบค้นเมื่อ 2009-11-13.
- ↑ "Appendices I, II and III" (PDF). Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora, valid from 13 September 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-05-10. สืบค้นเมื่อ 2008-01-03.
- ↑ Angehr, G R; Schmidt, B K; Njie, F; Gebhard, C (May 2005). "Significant records and annotated site lists from bird surveys in the Gamba Complex, Gabon" (PDF). Malimbus. 27: 72. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-17.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- African River Martin videos on the Internet Bird collection